ทำไม “Otteri Wash & Dry” จึงกลายเป็นธุรกิจร้านสะดวกซักเบอร์ 1 ของประเทศ ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 5 ปี โดย คุณ คิม - กวิน นิทัศนจารุกุล

ถ้าพูดถึงร้านสะดวกซักในประเทศไทย หลายคนคงนึกถึงแบรนด์ที่ใช้ตัวการ์ตูนนากทะเลอันแสนน่ารัก ก็คือแบรนด์ที่ชื่อว่า “Otteri Wash & Dry” บริหารงานโดยผู้บริหารหนุ่มวัย 37 ปี คุณกวิน นิทัศนจารุกุล “คิม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด วันนี้เขาจะมาแชร์ประสบการณ์การทำธุรกิจอย่างไรให้ประสบความสำเร็จจนสามารถขึ้นแท่นร้านสะดวกซักเบอร์ 1 ของประเทศไทย และปัจจุบันมี แฟรนไชส์กว่า 700 สาขาทั่วประเทศ

1. จุดเริ่มต้นของร้าน “สะดวกซัก”
นำรูปแบบมาจากต่างประเทศ ลูกค้าสามารถนำเสื้อผ้ามาซัก-อบโดยเครื่องซักผ้าอุตสาหกรรมที่ร้าน จบในเวลา 1 ขั่วโมง และศึกษาจนมองเห็นปัญหาหลักของคนทั่วไป ซึ่งถ้าใช้เครื่องซักผ้าที่บ้านกว่าจะแห้งก็ต้องใช้เวลานาน แต่ถ้านำเสื้อผ้ามาซักที่ร้านสะดวกซัก “Otteri” ก็จะหมดปัญหาเหล่านั้น เพราะมีเครื่องซักผ้าจำนวนหลายสิบเครื่องที่รองรับความต้องการของลูกค้าได้เพียงพอ และสามารถอบแห้งเสื้อผ้าได้ในเวลา 1 ชั่วโมง ทำให้ไม่เปลืองเวลา

2. มองหาโอกาสในธุรกิจอยู่เสมอ
เราต้องคอยสังเกตความสนใจของผู้บริโภคอยู่ตลอดว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง เราสามารถที่จะหาตัวช่วยอะไรที่ทำให้ชีวิตพวกเขาสะดวกสบายขึ้นหรือไม่ ถ้าเราหาโอกาสหรือสิ่งที่กำลังเป็นกระแส และเห็นปัญหาของพวกเขา และถ้าเราสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ ก็จะนำพาให้ธุรกิจของเราเติบโตได้

3.ใช้โปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการ
ช่วงแรกๆที่ Otteri เปิดสาขาใหม่ ก็จะเปิดให้มีการซักผ้าและอบผ้าฟรีด้วย เพราะถ้าแค่เราพูดว่าของเราดี อาจจะไม่มีใครเชื่อ เราต้องลองให้เขามาทดลองด้วยตัวเองก่อน ก็เหมือนกับสินค้าประเภทอาหาร หรือ ขนม ที่มีให้ทดลองชิมก่อนซื้อนั่นเอง และหลังจากที่ลูกค้าได้ทดลองใช้ก็ชื่นชอบเพราะซักเสร็จแล้วผ้า

4. หาจุดขายของธุรกิจตัวเองที่แตกต่างจากคนอื่น
คุณต้องหาตัวตนและเอกลักษณ์ของธุรกิจตัวเองให้เจอก่อน และรู้ว่าใครที่จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ตอบรับกับธุรกิจนี้ เขาเป็นใคร เขาอยู่ที่ไหน เขามีความต้องการเมื่อไร เป็นสิ่งที่ต้องไปศึกษาและสังเกตว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคของร้านเราเป็นอย่างไรบ้าง

5. ใช้ SWOT เป็นตัวช่วยในการวิเคราะห์ธุรกิจ
SWOT Analysis เป็นเครื่องมือที่ใช้มาอย่างยาวนาน แต่ก็ยังสามารถใช้ได้อยู่ ในฐานะที่เราเป็นผู้ประกอบการ เป็นเจ้าของกิจการ เป็น SMEs ก็แล้วแต่ สิ่งที่ควรจะมองมากที่สุดก็คือโอกาส ว่ามันมีโอกาสอะไรเกิดขึ้นบ้าง และก็ต้องหาให้เจอว่าสิ่งที่เรากำลังจะทำธุรกิจอยู่เนี่ย มันมีเทรนด์อย่างไรบ้าง มันคือทิศทาง ที่จะบอกว่า ทิศทางของธุรกิจจะไปทิศทางไหน เราสามารถที่จะสร้างเทรนด์ใหม่ๆ ได้รึเปล่า จากการสังเกตโอกาสต่างๆ ในส่วนนี้คนที่เป็นผู้ประกอบการหรือเป็นเจ้าของ ก็ต้องมีสายตาที่สามารถมองเห็นได้ว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่เราไม่จำเป็นทำอะไรตามกระแสไปตลอด เพราะฉะนั้นเราต้องกำหนดอนาคตของธุรกิจเราเอง

6. การเตรียมตัวสำหรับเป็นธุรกิจแฟรนไชส์
ธุรกิจแฟรนไชส์มันคือการส่งต่อความสำเร็จของธุรกิจต้นแบบไปให้คนอื่นทำ และสามารถประสบความสำเร็จแบบเราได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญคือการรักษามาตรฐาน และเราจะต้องถ่ายทอดสิ่งนี้ไปต่อให้กับคนอื่นอย่างดีที่สุดด้วย

7. เป้าหมายสำเร็จได้ด้วยการ “ทำบัญชี”
ธุรกิจ Otteri มีเป้าหมายที่ชัดเจน คุณคิมกล่าวว่า “ผมมองธุรกิจไปไกล อยากเติบโตไปมากกว่านี้ อยากจะเข้าตลาดหลักทรัพย์” และสิ่งที่ทำตั้งแต่วันแรกคือการทำบัญชี เพราะในวันที่เราจะต้องขยายกิจการ มันจะง่าย ไม่ต้องมานั่งปรับปรุงบัญชีอะไรเยอะ มันเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำ เป็นพื้นฐานเลย เพราะคุณจะรู้ว่าตอนนี้กำไรหรือขาดทุนในธุรกิจรนั่นเอง

8. การตอบแทนสู่สังคม
Otteri ยังคิดริเริ่มโครงการเพื่อช่วยเหลือสังคม เช่น “โครงการชูมณี” เป็นการแก้ไขปัญหาในสังคมผู้สูงอายุ โดยการว่าจ้างคุณป้าที่อายุ 50 กว่ามาทำงาน โดยมีการจ่ายค่าจ้างและมีประกันสังคมให้ เพื่อเวลาที่เกษียณจะได้มีเงินส่วนนี้ไปใช้ในอนาคตได้

คุณคิมฝากไว้ว่า “การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ต้องมีความชื่นชอบในสิ่งนั้น และมีวินัยทั้งกับการงานและการเงินด้วยครับ”


ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล https://youtu.be/F7AEb8Gwnzw
เรียบเรียง : Thai Credit Micro Economic Development
#ตังค์โตKnowhow